พลังเปลี่ยนชีวิต » ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ดี ทำไมจึงมีความชั่วร้ายและความทุกข์ยาก?



เรื่องราวชีวิต

จดหมายแจ้งข่าว

สมัครเป็นสมาชิก เพื่อรับเรื่องราวต่างๆตอนล่าสุด

ถ้าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ดี ทำไมจึงมีความชั่วร้ายและความทุกข์ยาก?

คงไม่มีข้อสงสัยว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความทุกข์ยากมากมาย อย่างน่าใจหาย เราได้รับผลกระทบจากความเป็นจริงข้อนี้อยู่ทุกวันในทุก ๆ ระดับ ทั้งทางอารมณ์ สติปัญญา และการปฏิบัติ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ หลายคนรู้สึกยากที่จะยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ พร้อมกับยอมรับความคิดที่ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ดีพร้อมและมีฤทธานุภาพ ทั้งสิ้น

หนังสือ Handbook of Christian Apologetics ของปีเตอร์ ครีฟท์ และโรแนลด์ เค. ทาเซลลี กล่าวว่า ปัญหานี้สามารถสรุปได้โดยความขัดแย้งที่เห็นกันอยู่ระหว่างประพจน์ต่อไปนี้ คือ 1) พระเจ้ามีจริง 2) พระเจ้าทรงดีพร้อม 3) พระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพทั้งสิ้น 4) ความชั่วร้ายมีอยู่ (Kreeft and Tacelli 1994: 129) ถ้าเรายอมรับประพจน์เหล่านี้สามข้อ ไม่ว่าจะเป็นข้อใด ก็ดูเหมือนเราจะต้องปฏิเสธข้อที่สี่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรายอมรับว่าพระเจ้ามีจริง พระองค์ทรงดีพร้อม และความชั่วร้ายมีอยู่ เราก็ต้องปฏิเสธความคิดที่ว่าพระเจ้าทรงมีฤทธานุภาพทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นพระองค์คงหยุดความชั่วร้ายไปแล้ว หรือถ้าพระเจ้ามีจริง และทรงมีฤทธานุภาพทั้งสิ้น แต่ความชั่วร้ายก็ยังมีอยู่ ถ้าอย่างนั้นพระเจ้าก็คงไม่ใช่พระเจ้าที่ดีพร้อม เพราะพระองค์ยอมให้ความชั่วดำรงอยู่

ครีฟท์และทาเซลลีแนะนำคำตอบที่เป็นไปได้ห้าประการสำหรับปัญหานี้

o แนวคิดอเทวนิยม (ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า) แก้ปัญหานี้ด้วยการปฏิเสธประพจน์ข้อหนึ่ง ที่กล่าวว่าพระเจ้ามีจริง

o แนวคิดแบบสรรพเทวนิยม ซึ่งเชื่อว่าพระเจ้าคือทุกอย่าง และทุกอย่างคือพระเจ้า ปฏิเสธประพจน์ข้อสอง และยอมให้พระเจ้าเป็นได้ทั้งดีและชั่ว

o แนวคิดแบบพหุเทวนิยม หรือความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ ปฏิเสธประพจน์ข้อสาม และลดความหมายของพระเจ้าลงจนกลายเป็นเพียงหนึ่งในเทพเจ้าหลายองค์

o แนวคิดจิตนิยม ซึ่งเชื่อว่าความเป็นจริงคือผลผลิตของความคิด ปฏิเสธประพจน์ข้อสี่ และกล่าวว่าความชั่วร้ายเป็นเพียงภาพลวงตา

o ส่วนคริสต์ศาสนานั้นตรงกันข้าม คือยอมรับหลักการทั้งสี่ข้อ และยืนยันว่าลึก ๆ แล้วหลักการสี่ข้อนี้ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกัน

ทางออกของคริสเตียนเป็นไปได้อย่างไร? คำตอบคือ เพราะมันเป็นไปได้เสมอที่พระเจ้าจะมีเหตุผลที่ดีในการอนุญาตให้มีความชั่ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่เราไม่รู้ และตราบใดที่มีความเป็นไปได้ในทางตรรกะ ก็ไม่มีความขัดแย้งในเรื่องที่ว่าพระเจ้ามีจริง ทรงดีพร้อม ทรงมีฤทธานุภาพทั้งสิ้น และความชั่วก็มีอยู่ เพียงแค่เราไม่สามารถเข้าใจเหตุผลที่มันเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามพระเจ้าไม่ได้ปล่อยให้เราอยู่ในความมืดมนอับจนหนทาง แน่นอนว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นโลกที่ดีที่สุดที่พระเจ้าสามารถสร้างขึ้นโดยความตั้งพระทัยที่ จะสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงเช่นเรา สิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระเท่านั้นที่สามารถรักและสัมผัสความรัก เนื่องจากพระประสงค์หลักประการหนึ่งที่พระเจ้าทรงสร้างเราก็คือ การมีความสัมพันธ์ซึ่งพระองค์ทรงรักเรา และเราก็รักพระองค์ พระเจ้าจึงทรงสร้างโลกในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ในความเป็นจริง พระเจ้าไม่สามารถบังคับให้คนเลือกทำความดีโดยอิสระ หรือบังคับให้คนรักพระองค์โดยอิสระ เพราะถ้าพระองค์บังคับให้เขาทำแบบนั้น พวกเขาก็ไม่เป็นอิสระ และถ้าพวกเขาเป็นอิสระอย่างแท้จริง พระองค์ก็ไม่สามารถบังคับให้เขาทำเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นเรื่องขัดแย้งกันเอง ดังนั้น โอกาสซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เป็นอิสระจะเลือกความชั่วร้ายจึงเป็นสิ่งที่พระเจ้า จะควบคุมได้ก็ต่อเมื่อพระองค์ต้องปิดกั้นอำนาจในการตัดสินใจ และอำนาจในการตัดสินใจก็ไม่แค่ภาคผนวกหรู ๆ ของธรรมชาติมนุษย์ แต่มันเป็นแก่นแท้ของสิ่งที่เราเป็น ดังนั้นถ้าพระเจ้ากำจัดความชั่วร้าย พระองค์ก็กำจัดอำนาจการตัดสินใจไปด้วย และถ้าทำเช่นนั้น ก็จะกลายเป็นว่าพระเจ้าทรงทำความชั่วร้ายที่น่ากลัวที่สุด นั่นคือการทำลายล้างมนุษยชาติ

ยิ่งกว่านั้น พระเจ้าได้ทรงกระทำบางสิ่งเกี่ยวกับปัญหาเรื่องความชั่วร้ายและความทุกข์ยากแล้ว

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ปัญหาเรื่องความชั่วร้ายไม่ใช่ปัญหาทางความคิด แต่เป็นปัญหาทางความรู้สึก พวกเขาอยากรู้ว่าทำไมพระเจ้าจึงอนุญาตให้มีความชั่วร้ายและความทุกข์ยาก และเมื่อพวกเขาไม่ได้คำตอบที่พอใจ พวกเขาก็โกรธ พวกเขาไม่ชอบพระเจ้าที่อนุญาตให้ตัวเขาหรือคนอื่นประสบความทุกข์ยาก นี่ไม่ใช่การใช้เหตุผลหักล้างว่าไม่มีพระเจ้า แต่เป็นการไม่ยอมรับ เด็กที่กำลังเจ็บปวดต้องการการปลอบโยน ไม่ใช่คำอธิบายเหตุผล และแนวคิดอเทวนิยม (ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า) ก็ไม่สามารถให้การปลอบโยนนี้ได้ มันทำได้เพียงลดความเจ็บปวดลงเล็กน้อย คือทำได้แค่เอาความหวังออกไป ในจักรวาลของแนวคิดอเทวนิยมนั้นไม่มีความรับผิดชอบหรือความยุติธรรมใน บั้นปลาย คนชั่วร้ายจะลอยนวลไปกับสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ในโลกทรรศน์ของคริสเตียน พระเจ้าได้ทรงกระทำบางสิ่งกับความชั่วร้ายโดยทางพระเยซูคริสต์ พระองค์ไม่ได้ตรัสว่า “เอาล่ะ เราสร้างเจ้ามา เตรียมเจ็บตัวได้แล้ว” แต่พระองค์ประทานทางออกให้เรา เป็นเงินมัดจำที่บอกว่าพระองค์ทรงมีเหตุผลดี ๆ ในการอนุญาตให้มีความชั่วร้าย และพระองค์ทรงมีสิ่งดีที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเตรียมไว้สำหรับเรา พระองค์ทรงสำแดงให้เห็นว่าเราสามารถไว้วางใจพระองค์ ด้วยการปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์ แล้วพระองค์ทรงกระทำอะไรขณะที่พระองค์อยู่ในโลก? คำตอบคือพระองค์ทรงทนทุกข์

พระเยซูทรงทนทุกข์ทรมานเหลือที่เราจะเข้าใจ พระองค์ทรงยอมรับบทลงโทษสำหรับความผิดบาปของคนทั้งโลก สำหรับความชั่วร้ายทุกอย่างที่เราทุกคนได้กระทำ นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นสายพันธุ์ของเรา พระองค์ทรงชดใช้โทษนั้น พวกเราไม่อาจเข้าใจความทุกข์ทรมานนั้น แม้พระองค์ไม่มีความผิดอะไร แต่พระองค์ก็ทรงสมัครใจรับโทษทัณฑ์ที่เราสมควรได้รับ แล้วพระองค์ทรงกระทำเช่นนั้นทำไม? ก็เพราะพระองค์ทรงรักเรา คล้ายกับว่าพระองค์กำลังตรัสว่า “เรารู้ว่าเจ้าไม่เข้าใจว่าทำไมเราอนุญาตให้มีความชั่วร้าย เวลานี้เจ้ายังไม่สามารถเข้าใจ แต่เพื่อให้เจ้าเห็นว่าเจ้าสามารถวางใจในเรา เราจะร่วมทนทุกข์กับเจ้า”

เมื่อเราเข้าใจความเสียสละและความรักที่พระองค์ทรงมีต่อเรา เราก็จะมองปัญหาความชั่วร้ายนี้ด้วยมุมมองที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เราจะมองเห็นชัดเจนว่า ปัญหาเรื่องความชั่วร้ายที่แท้จริงก็คือปัญหาความชั่วร้ายของเรา เมื่อเราสำนึกผิดอย่างแท้จริงต่อพระพักตร์พระเจ้า คำถามที่เราเผชิญก็จะไม่ใช่คำถามที่ว่า “พระเจ้าจะทรงแก้ตัวกับเราอย่างไร” แต่เป็น “เราจะพ้นโทษจำเพาะพระพักตร์พระองค์ได้อย่างไร” และเราจะพ้นโทษจำเพาะพระพักตร์พระเจ้าได้ก็โดยการที่พระคริสต์ทรงจ่ายค่า ปรับความชั่วร้ายของเรา ด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดยพระองค์ เราจึงได้รับการอภัยโทษ

นอกจากนั้นคริสเตียนหลายคนยังยืนยันด้วยว่า พระคริสต์ประทานความเข้มแข็งภายใน เพื่อจะรับมือสิ่งต่าง ๆ ท่ามกลางปัญหาและความทุกข์ยากลำบาก พระองค์ทรงสัญญาว่า พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งร่วมกันก่อให้เกิดผลดีต่อคนที่รักพระเจ้า (โรม 8:28)

เหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ทรงสัญญาว่าจะให้เรามีชัยชนะเหนือความตาย ซึ่งเป็นสิ่งชั่วร้ายขั้นสูงสุด คนที่เลือกยอมรับและรับการอภัยโทษของพระองค์อย่างจริงใจ จะได้เป็นขึ้นจากความตายด้วยกายที่ได้รับสภาพใหม่ กายที่เป็นอมตะ และไม่มีวันเสื่อมสลาย เพื่อจะอยู่กับพระองค์ตลอดไป (1 โครินธ์ 15:42, 52) ความตาย ความเจ็บปวด และความทุกข์ยากได้ถูกหวดลงไปกอง พวกมันพ่ายแพ้ย่อยยับแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปแล้ว พระเจ้าไม่ได้ถูกเนรเทศเพราะปัญหาความชั่วร้าย ตรงกันข้าม พระองค์คือคำตอบของปัญหานี้

ต่อไป: พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าหรือเปล่า?
ค้นพบวิธีที่คุณจะสัมผัสพลังเปลี่ยนชีวิต

อีเมล์
คั่นหน้านี้
พิมพ์